นิวเมติกหรือระบบที่ใช้การอัดอากาศในการส่งแรงดันไปตามท่อร่วมกับเครื่องจักรจนก่อให้เกิดพลังงานกลในการทำงานของอุปกรณ์ต่าง ๆ แน่นอนว่าเป็นหนึ่งในระบบที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย เนื่องจากมีประโยชน์ทั้งเรื่องของความสะดวกสบาย รวดเร็ว และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต แต่เพื่อทำความรู้จักระบบนิวเมติกให้มากขึ้น วันนี้เราจะพาไปดูทั้งข้อดีและบทบาทสำคัญงานอุตสาหกรรมว่าเป็นอย่างไร
นิวเมติกดียังไง
สำหรับข้อดีของระบบนิวเมติกที่ได้รับการยอมรับเป็นมาตรฐานเดียวกันหลัก ๆ ประกอบไปด้วย
1. ทนต่อการระเบิดได้สูง
เนื่องจากลมอัดหรือแรงดันอากาศในระบบจัดได้ว่าเป็นแรงดันอากาศที่มีแรงดันสูง ซึ่งมีคุณสมบัติทนต่อการระเบิดหรือการลุกไหม้
2. สามารถเก็บเป็นพลังงานสำรองไว้ใช้ได้
หากต้องการให้ระบบทำงานอย่างต่อเนื่องสามารถเก็บลมอัดหรือแรงดันอากาศสูงไว้ในถังลมแบบเฉพาะได้
3. สามารถควบคุมได้
ไม่ว่าจะเป็นแรงดันอากาศหรือลมอัดสามารถควบคุมให้อยู่ในปริมาณและความดันที่เหมาะสม โดยใช้อุปกรณ์นิวเมติกอื่น ๆ เข้ามามีส่วนช่วย เช่น วาล์วควบคุมแรงดัน
4. ลมมีความบริสุทธิ์ค่อนข้างสูง
เนื่องจากระบบนิวเมติกส่วนใหญ่มีการติดตั้งชุดกรองลมอยู่ภายใน ทำให้มั่นใจว่าลมที่ได้มีความสะอาดและปราศจากสิ่งสกปรก น้ำ ฝุ่นละออง หรือปัจจัยใด ๆ ที่เสี่ยงต่อการสร้างความเสียหายแก่อุปกรณ์ภายในระบบ
5. สามารถทำงานได้ดี
แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ
6. สามารถปรับแต่งระยะชักของก้านสูบได้
โดยสามารถออกแบบให้มีระยะชักสั้นหรือยาวได้ตามต้องการ
7. ไม่จำเป็นต้องนำกลับมาใช้ใหม่
สำหรับแรงดันสูงหรือลมอัดที่เหลือจากกระบวนการไม่จำเป็นต้องนำกลับมาใช้ใหม่ แต่สามารถปล่อยออกสู่บรรยากาศได้โดยไม่สร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม
ทำไมโรงงานอุตสาหกรรมนิยมใช้
การที่โรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ นิยมใช้ระบบนิวเมติกมาเป็นส่วนประกอบในสายการผลิตหลัก ๆ มาจากเหตุผล ดังต่อไปนี้
1. ความเร็วในการทำงาน
โดยมาตรฐานแล้วระบบนิวเมติกมีความเร็วในการทำงานอยู่ที่ 1 – 2 เมตรต่อวินาที หากต้องการความเร็วที่มากขึ้นสามารถเลือกใช้กระบอกแบบชนิดพิเศษที่สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 10 เมตรต่อวินาที หรือเพิ่มรอบการทำงานด้วยอุปกรณ์ควบคุมความเร็วได้สูงถึง 800 รอบต่อนาที
2. ความปลอดภัย
เนื่องจากระบบนิวเมติกใช้ลมเป็นตัวกลางในการทำงาน ส่งผลให้ไม่เสี่ยงต่อการเกิดการระเบิด จึงมีส่วนช่วยในการลดความเสียหายและประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงไปในตัว
3. ด้านความสะอาด
ไม่ว่าจะเป็นลมที่นำไปใช้ในระบบหรือลมที่ถูกปล่อยออกมาจากการเสร็จสิ้นกระบวนการ ล้วนสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
4. ง่ายต่อการประยุกต์ใช้
หากสภาพแวดล้อมหรือลักษณะการใช้งานมีข้อจำกัดสามารถปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ต่าง ๆ ในระบบนิวเมติกได้ง่าย ๆ เช่น ความดันลม ขนาดกระบอกสูบ ระยะก้านสูบเพื่อให้ได้ค่าที่ต้องการ
อุตสาหกรรมที่ใช้
เพื่อเพิ่มความเข้าใจขอยกตัวอย่างโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้ระบบนิวเมติกเป็นหนึ่งในกระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพในขั้นตอนการผลิต ดังนี้
- โรงงานอุตสาหกรรมยานยนต์ รถไฟ
- โรงงานอุตสาหกรรมด้านการผลิต
- โรงงานอุตสาหกรรมเกี่ยวกับงานขนถ่าย ขนส่ง หรือโลจิสติกส์
- โรงงานอุตสาหกรรมหรืองานที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างงานโยธา
- โรงงานอุตสาหกรรมเกี่ยวกับเครื่องวัดต่าง ๆ
สรุปได้ว่าระบบนิวเมติกนั้นมีบทบาทสำคัญอย่างมากในวงการอุตสาหกรรมทั้งในไทยและต่างประเทศ เนื่องจากมีข้อดีในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความปลอดภัย ความรวดเร็ว ความสะอาด หรือความง่ายต่อการใช้งาน แต่อย่างไรก็ตามหากต้องการใช้จำเป็นต้องศึกษาประเภทแยกย่อยของระบบนิวเมติกเพื่อเลือกรูปแบบการใช้งานให้สอดคล้องกับงานร่วมด้วย